วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553

3 อาการอันตรายจากไวรัสโรต้า

อาเจียน มีไข้ ถ่ายเหลว

3 อาการจากไวรัสโรต้า
ครึ่งหนึ่งของเด็กที่นอนโรงพยาบาลเนื่องจากท้องร่วงอย่างรุนแรงมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสโรต้า
สิ่งที่คุณแม่ควรทราบเกี่ยวกับอุจจาระจากไวรัสโรต้า
  • ไวรัสโรต้าเป็นสาเหตุหลักทำให้เกิดอุจจาระร่วงอย่างรุนแรงในทารกและเด็กเล็ก
  • การดูแลเรื่องความสอาดเพียงอย่างเดียวไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโรต้าได้
  • 3 อาการเด่นของโรคคือ อาเจียน ไข้ และถ่ายเหลว อาจเกิดได้มากถึง 10-20 ครั้งต่อวัน
  • หากเด็กขาดน้ำและน้ำเกลือแร่อย่างรุนแรง จะต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล

ไวรัสโรต้าอยู่ได้ทุกที่

โรต้าเป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อได้ง่ายมาก เชื้อแอบแฝงตัวอยู่ตามสิ่งของ เช่น ของเล่น และ มีชีวิตอยู่ได้นานเป็นวัน ๆ ถึงแม้จะดูแลเรื่องความสอาดของน้ำ อาหาร และ ที่อยู่เป็นอย่างดี ก็ยังไม่สามารถปกป้องลูกรักจากไวรัสตัวนี้ได้เพราะเพียงแค่ลูกสัมผัสของเล่นที่ปนเปื้อนเชื้อนี้เข้าปากก็สามารถติดเชื้อไวรัสโรต้าได้แล้ว

อุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้าอย่านิ่งนอนใจเพราะอาการรุนแรงกว่าที่คิด

  • เกือบครึ่งหนึ่งของเด็กทารกและเด็กเล็กในประเทศไทยที่ต้องเข้ารัษาตัวในโรงพยาบาลด้วยโรคอุจจาระร่วงมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสโรต้า
  • หลังจากได้รับเชื้อ 1-2 วันทารกและเด็กเล็กจะมีอาการ อาเจียน มีไข้ และ ถ่ายเหลว ไข้อาจสูงถึง 39 องศาเซลเซียส และถ่ายเหลวอาจมากถึง 10-20 ครั้งต่อวัน อาการอาจเป็นเรื้อรังนาน 9 วันถึง 3 สัปดาห์ได้

หากถ่ายเหลวมากหรือเป็นเวลานาน จะทำให้เด็กขาดน้ำและเกลือแร่จนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งจะบั่นทอนทั้งสุขภาพเด็กและสร้างความเครียดให้กับพ่อแม่และครอบครัว

โดนเล่นงานหนักสุดในทารกและเด็กเล็ก

  • เด็กในวัย 6 เดือนถึง 2 ขวบ เป็นวัยที่มีโอกาศเสี่ยงต่อการเกิดอาการรุนแรงจากไวรัสโรต้าได้มากที่สุด อาการของโรคที่รุนแรงจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะขาดน้ำและทำให้ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล

ถ้าติดเชื้อไวรัสโรต้าแล้วจะรักษาอย่างไร

  • แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยเหลือลูกเบื้องต้นได้ เช่น เมื่อลูกขาดน้ำและเกลือแร่ควรให้ลูกดื่มน้ำเกลือแร่สำหรับเด็ก แต่ถ้าลูกไม่สามารถดื่มน้ำเกลือแร่ได้เพียงพอหรือมีภาวะขาดน้ำรุนแรง คุณพ่อคุณแม่ควรรีบพาลูกส่งโรงพยาบาลทันที

ป้องกันทารกและลูกน้อยจากไวรัสโรต้า

  • สิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่ทำได้คือการรักษาสุขอนามัยของสมาชิกในบ้านและบริเวณที่ลูกชอบไปเล่น รวมถึงของเล่นต่าง ๆ อีกทั้งควรล้างมือให้ลูกบ่อยๆร่วมกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
  • การเสริมสร้างภูมิต้านทานด้วยวัคซีนชนิดกิน เป็นวิธีที่สดวกและได้ผลดีโดยการพาลูกไปรับวัคซีน 2 ครั้ง เมื่ออายุครบ 2 เดือนและ 4 เดือน จะช่วยลดความรุนแรงของโรคและลดการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้.

วันจันทร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2553

กิจกรรมรดน้ำดำหัวที่อนามัยนางแล



ภาพกิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ ของตำบลนางแล

สมาชิกกลุ่ม อสม. บ้านนางแลใน


ภาพกิจกรรมรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ ของตำบลนางแล

วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2553

ประเพณีรดน้ำดำหัว

ประเพณีรดน้ำไหว้ผู้ใหญ่ เป็นประเพณีของไทยอันสืบเนื่องมาจากประเพณีงานสงกรานต์หรือ วันขึ้นปีใหม่ของไทย ที่แสดงออกถึงความเคารพนบนอบต่อผู้ใหญ่หรือผู้ที่เคารพนับถือ และผู้มีพระคุณ เพื่อแสดงความกตัญญู พร้อมกับการขอขมา และขอรับพรเพื่อเป็นสิริมงคล แก่ตัวเองเนื่องในวันสำคัญ เช่น วันขึ้นปีใหม่หรือวันสงกรานต์ของไทยในยเดือนเมษายน


"การดำหัว" ก็คือการรดน้ำนั่นเอง แต่เป็นคำเมืองทางเหนือการดำหัววเรียกกันเฉพาะการรดน้ำผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง เช่น พ่อเมือง เจ้าเมือง เป็นต้น เป็นการขอขมาในสิ่งที่ได้ล่วงเกินไป หรือการขอพรปีใหม่จากผู้ใหญ่

สิ่งที่ต้องนำไปในการรดน้ำดำหัวก็คือ น้ำใส่ขันเงินใบใหญ่ ในน้ำใส่ฝักส้มป่อย โปรยเกสรดอกไม้และเจือน้ำหอม น้ำปรุงเล็กน้อย พร้อมด้วยพานข้าวตอกดอกไม้เป็นเครื่องสักการะอีกพานหนึ่ง

การรดน้ำดำหัวมักจะไปกันเป็นหมู่ โดยจะถือเครื่องที่จำดำหัวไปด้วย เมื่อขบวนรดน้ำดำหัวไปถึงบ้านท่านเจ้าของบ้านก้จะเชื้อเชิญให้เข้าไปในบ้าน พอถึงเวลาที่รดน้ำท่านผู้ใหญ่ก็จะสรรหาคำพูดที่ดีที่เป็นสิริมงคลและอวยพรให้กับผู้ที่มารดน้ำดำหัว ปัจจุบันนี้พิธีรดน้ำดำหัวในจังหวัดต่าง ๆ ทางเหนือมักจะจัดเป็นพิธีใหญ่ บางแห่งมีการจัดขบวนแห่ มีการฟ้อนรำประกอบ เช่น พิธีรดน้ำดำหัวในจังหวัดเชียงใหม่ และ เชียงราย เป็นต้น

อสม. ได้ร่วมกับหมู่บ้านนางแลในกิจกรรมรดน้ำดำหัวในวันสงกรานต์





วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553

ขอแสดงความเสียใจ



กลุ่ม อสม.ขอแสดงความเสียใจกับ นายวิชัย แสงวรรณ ซึ่งเป็นสมาชิก อสม. ที่ต้องสูญเสีย คุณพ่อสาม แสงวรรณ เมื่อวันที่ 5/4/53 ทั้งนี้ทาง อสม.บ้านนางแลในได้เป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมในครั้งนี้ด้วย.

อสม.กำลังช่วยกันผสมปูนเพื่อทำทางเดินในบริเวณสวนหย่อม

วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2553

การป้องกันโรค อาหารเป็นพิษ

โรคอาหารเป็นพิษ


สาเหตุของการเกิดโรค


ในสภาวะการณ์ปัจจุบัน การเลือกรับประทานอาหาร นับเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน เนื่องจากมีแบคทีเรีย หรือสารพิษต่างๆ ที่อาจปนเปื้อนอยู่ในน้ำ อาหาร และอากาศ ซึ่งแบคทีเยหรือสารพิษเหล่านี้เป็นสาเหลุสำคัญที่ทำให้เกิดอาหารเจ็บป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษ ซึ่งเป็นอันตรายรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ถ้าไม่รีบพาไปพบแพทย์

นอกจากนี้อาหารที่ปรุบสุกๆ ดิบๆ จากเนื้อสัตว์ อาหาร กระป๋อง อาหารทะเล นมที่ปนเปื้อนเชื้อหรือหมดอายุอาหารค้างมื้อและไม่ได้แช่เย็น ถ้าไม่อุ่นให้เดือดทั่วถึงก่อนรับประทาน ก็อาจจะทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษได้
อาการของโรค
โรคอาหารเป็นพิษมักจะเกิดอาการตั้งแต่หนึ่งชั่งโมงจนถึง 8 วันหลังจากรับประทานอาหารที่ปนเปิ้อนเชื้อเข้าไป มักจะพบว่าในหมู่คนที่กินอาหารร่วมกันจะมีอาหารพร้อมกันหลายคน ซึ่งอาจมีอาการมากน้อยแตกต่างกันไปแล้วแต่ละบุคคลและปริมาณที่กิน
อาการที่พบคือ คลื่นไส้ อาเจียน ตามด้วยอาการมีไข้ เบื่ออาหาร และอุจจาระร่วง มีตั้งแต่อาการอย่างอ่อนจนถึงรุนแรง อาจถ่ายมีมูกเลือดปนได้
รู้จักอาหาร รู้จักป้องกัน

มารู้จักวิธีสังเกตและป้องกันตนเองจากอาหารที่อาจเป็นต้นเหตุ
ของโรคอาหารเป็นพิษ โดยแยกอาหารออกเป็น ประเภทดังนี้
อาหารประเภทแป้ง


อาหารประเภทแป้ง ได้แก่ ข้าวผัด ขนมจีน ขนมปัง ขนมเอแคร์ ฯลฯ เป็นต้น ที่ปรุงทิ้งไม้นานหรือหมดอายุ อาจจะมีสารพิษจากเชื้อแสตปฟิโลคอกคัส ออเรียส (Staphylococcusaureus) และแบซิลลัส ซีเรียส (Bacilluscereus) ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ

การป้องกัน

  • ขนมจีน ควรนึ่งก่อนรับประทาน

  • ขนมปัง ขนมเอแคร์และเบเกอรี่ต่างๆ ควรเลือกรับประทานใหม่ๆ ไม่หมดอายุ ไม่มีรา
ควรเก็บอาหารที่ยังไม่รับประทานไว้ในตู้เย็นที่อุณภูมิ 4'c

  • ข้าวกล่องและอาหารที่เตรียมสำหรับคนจำนวนมาก เช่น อาหารกลางวันสำหรับนักเรียน อาหารบุ๊พเฟ่
งานเลี้ยง ไม่ควรเตรียมไว้นานข้ามมื้อ

  • ควรเน้นความสะอาดเวลาปรุงและเลือกรายการอาหารที่ไม่บูดง่าย ข้าวผัดปูควรนึ่งเนื้อปูเพื่อฆ่าเชื้อ
อีกครั้งก่อนใส่ในข้าวผัด
อาหารทะเล


อาหารทะเล เช่น ปลาหมึก กุ้ง หอย ปู ปลา ที่เตรียมไม่สะอาด ปรุงไม่สุกหรือปรุงสุกไม่ทั่วถึงกัน อาจจะมีเชื้อแบคทีเรียก่อโรคหลายชนิดเช่น เชื้อวิบริโอ พาราเฮโมไลติคัส (Vibrio Parahaemolyticus) ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ




การป้องกัน


  • อาหารทะเลควรเลือกซื้อที่สุดและสะอาด
  • รับประทานอาหารทะเลที่มั่นใจว่าปรุงสุก
  • หอยแมลงภู่ควรดึงเส้นใยออกก่อนรับประทาน
  • ปูเค็ม ปูดอง และหอยแครง ควรทำให้สุกก่อนรับประทาน
  • ไม่ควรวางอาหารที่ปรุงสุกปะปนกับอาหารดิบ

อาหารประเภทเนื้อสัตว์



อารหารประเภทโปรตีน ได้แก่ อาหารประเภทเนื้อทุกชนิด เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ เครื่องในสัตว์
รวมทั้งนมและไข่ ซึ่งมักปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียก่อโรคหลายชนิด เช่น วิบริโอ คลอลิรา (Vibrio choierae),
ชัลโมเบลล่าโลไล (Enteropathogenic E. coli), แคมฟิลโลแบคเตอร์ (Campylobacter) และ เยอซิเนีย เอนเทอโรโลไลติคา (Yersinia enterocolitica)

การป้องกัน

  • ควรแยกเขียงที่ใช้กับอาหารดิบแลกอาหารสุก
  • เลือกซื้อเนื้อ นม และไข่ที่สดและสะอาด
  • หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสอาหารโดยตรง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อลงในอาหาร

ทั้งนี้รวมทั้งผู้จำหน่าย ผู้ปรุงและผู้บริโภค

  • ผู้จำหน่ายเนื้อสัตว์ ควรให้ความสำคัญกับการทำความสะอาด มีด เขียง ที่วางเนื้อสัตว์จำหน่าย
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทเนื้อที่สุก ๆ ดิบ ๆ เช่น ลาบ, ก้อย